ถอดประวัติศาสตร์มลายูปาตานี ตอนที่ 7 : ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ครองเมืองปาตานี เมืองไชยา และเมืองซึงโฆรา


บรรยายเรื่องโดย อาจารย์ฮาซัน ยามาดีบุ
แปลและเรียบเรียงโดย The Motive


หลังจากอาณาจักรศรีวิชัยรบชนะกองทัพของราชาชัยวรมันที่ 7 ราชาอาณาจักรเขมร ก็ได้มีการทำสนธิสัญญาสงบศึกที่คอคอดกระ (Segentingkera) และได้ตั้งชื่อเมืองใหม่ว่า เมืองไชยา (อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี) ตามพระนามของราชาสังไชยบังสา (Raja Sang Jaya Bangsa) ราชาอาณาจักรศรีวิชัยในสมัยนั้น


ผู้ครองเมืองไชยา (อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี) ในสมัยนั้นมีบุตรีที่มีสิริโฉมงดงามและเป็นที่หมายปองของราชาเมืองต่างๆ รวมไปถึงราชาเมืองปาตานี (จังหวัดชายแดนใต้) ด้วย


วันหนึ่งราชาเมืองปาตานี (จังหวัดชายแดนใต้) ได้เข้าไปสู่ขอเพื่อมาเป็นคู่ชีวิต แต่กลับถูกปฏิเสธ จึงเป็นที่มาของการทำสงครามศึกแย่งชิงนาง ผลปรากฏว่าเมืองปาตานีชนะเหนือเมืองไชยาจึงต้องมอบบุตรีให้กับราชาเมืองปาตานี โดยมีข้อแม้ว่า ต้องประทับอยู่ที่เมืองไชยาเท่านั้นและไม่อนุญาติให้นำบุตรีไปอยู่เมืองปาตานี


ราชาอาณาจักรศรีวิชัยจึงมอบหมายการงานทุกอย่างให้บุตรชายของตนปกครองเมืองปาตานีเหตุเนื่องจากตนต้องย้ายไปอยู่เมืองไชยากับบุตรีของผู้ครองเมืองไชยา และได้ตั้งเมืองหลวงของอาณาจักรศรีวิชัยแห่งใหม่ที่เมืองไชยา (อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี)


ตามบันทึกประวัติศาสตร์ที่ได้กล่าวมาในตอนก่อนหน้านี้ราชาเมืองปาตานีมีพื้นเพเดิมมาจากเมืองกือดะห์ (รัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย) ในสมัยอาณาจักรลังกาสุกะ จนมาพ่ายแพ้สงครามต่ออาณาจักรศรีวิชัยที่มาจากรัฐปาเล็มบัง (เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย) นำมาสู่การอภิเษกสมรสระหว่างสองเชื้อสายจนสืบลูกสืบหลานครองเมืองปาตานี (จังหวัดชายแดนใต้) สืบไป


ต่อมาไม่นานบุตรชายของราชาอาณาจักรศรีวิชัยที่มีพระนามว่า ราชามหาบังสา ซึ่งเป็นชื่อเรียกตามชื่อของบิดา ได้อภิเษกสมรสกับบุตรีของราชาซึงโฆรา (จ.สงขลา) มีการจัดงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ รวมเวลา 7 วัน 7 คืน เชิญแขกงานมาร่วมแสดงความยินดีถึงเมืองจีน ฮินดู (ประเทศอินเดีย) และปาเล็มบัง (เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย) ซึ่งเป็นเมืองหลวงเดิมของอาณาจักรศรีวิชัย แต่อาณาจักรเขมรไม่ถูกเชิญมาร่วมงานด้วย เพราะถือว่าเป็นคู่สงคราม ของอาณาจักรศรีวิชัย


เมืองหลวงซึงโฆรา (จ.สงขลา) เดิมทีมีที่ตั้งอยู่ระหว่าง อ.ระโนด กับ อ.สทิงพระ จ.สงขลา เป็นเมืองหลวงดั้งเดิม และนับถือศาสนาพุทธ ต่อมาได้ย้ายมาตั้งอยู่ที่ หัวเขาแดง อ.สิงหานคร จ.สงขลา โดยมีสุลต่านสุไลมานชาห์ เป็นราชาองค์ที่ 1 (2163-2211) เป็นชาวมลายู นับถือศาสนาอิสลาม สืบราชสมบัติต่อจากบิดา คือ ราชาโมกอล และได้มีการย้ายเมืองหลวงอีกครั้งมาอยู่ที่ อ.เมืองสงขลาปัจจุบัน หลังพ่ายแพ้สงครามกับอาณาจักรสยาม ลูกหลานของราชาสุไลมานชาห์มีที่หลี้ภัยไปอยู่เมืองสตูลบ้าง ไปอยู่เมืองยะลาบ้าง


ในวันอภิเษกสมรสระหว่างบุตรของเจ้าเมืองทั้งสองเมืองนี้มีแขกบ้านแขกเมืองที่เดินทางมาด้วยช้างและขนของมายังเมืองซึงโฆรา (จ.สงขลา) เพื่อมอบเป็นของขวัญเนื่องในงานอภิเษกสมรส มีตำนานเล่าว่าจำนวนช้างที่มาหลายเชือกนั้นมีจำนวนมากจนไม่มีที่จะผูกเชือกจอดไว้ จึงมีช้างที่หลุดหนีเข้าไปในป่าเขาจนไปทำลายสวนข้าวของชาวบ้านที่อยู่บริเวณนั้น มีการเข้าไปกราบบังคมทูลต่อราชาเพื่อให้ช่วยจัดการช้างที่เข้าไปทำลายข้าวของเหล่านั้น


ราชาจึงแก้ปัญหาด้วยได้เรียกดาโต๊ะปึรจำ (ต.ประจัน อ.ยะรัง จ.ปัตตานี) เพื่อมาปราบจับช้างเหล่านั้นเนื่องจากดาโต๊ะปึรจำมีความเชี่ยวชาญในด้านการเลี้ยงช้าง มีวิชาสามารถทำให้ช้างเชื่อฟังและเกรงกลัวต่อเขาได้


ชาวบ้านทั่วไปก็เคารพนับถือต่อดาโต๊ะปึรจำเช่นเดียวกัน เพราะสมัยก่อนหากใครมีช้างเป็นของตัวเองก็เสมือนกับมีรถยนต์คันหรูในปัจจุบัน คนที่มียศฐาบันดาศักดิ์ มีเงินทองร่ำรวยในสมัยนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะมีช้างเป็นของตนเอง


ด้วยความสามารถของดาโต๊ะปึรจำนั้น ราชาได้มอบตำแหน่งสำคัญให้อยู่เคียงข้างพระราชาเพื่อง่ายต่อการเรียกตัวในการช่วยเหลือชาวบ้านในยามที่ได้รับผลกระทบจากความร้ายกาจของช้าง


และไม่ว่าดาโต๊ะปึรจำจะเดินทางไปช่วยเหลือชาวบ้านที่หมู่บ้านไหนก็จะไดรับการตอบแทนด้วยการยกลูกสาวให้ เนื่องจากการได้เป็นภรรยาของดาโต๊ะปึรจำนั้นถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง จะได้รับความเคารพนับถือจากผู้ฅน รวมไปถึงความปลอดภัยด้วย

โปรดติดตาม ตอนต่อไป
—————–

ลิงค์บรรยายต้นฉบับภาษามลายู : https://www.facebook.com/salasilahpatani/videos/1246902318814698/.

อ่านเพิ่มเติม :
ถอดประวัติศาสตร์มลายูปาตานี ตอนที่ 1
ถอดประวัติศาสตร์มลายูปาตานี ตอนที่ 2
ถอดประวัติศาสตร์มลายูปาตานี ตอนที่ 3
ถอดประวัติศาสตร์มลายูปาตานี ตอนที่ 4
ถอดประวัติศาสตร์มลายูปาตานี ตอนที่ 5
ถอดประวัติศาสตร์มลายูปาตานี ตอนที่ 6
ถอดประวัติศาสตร์มลายูปาตานี ตอนที่ 8
ถอดประวัติศาสตร์มลายูปาตานี ตอนที่ 9
ถอดประวัติศาสตร์มลายูปาตานี ตอนที่ 10