กลับคำพิพากษา ! จากยกฟ้องชั้นต้นเป็นติดอุทธรณ์ตลอดชีวิต

ศาลอุทธรณ์ ตัดสินจำคุกตลอดชีวิต 3 ราย และจำคุก 35ปี สองราย คดีที่ผู้พิพากษาคณากรยกฟ้องในศาลชั้นต้น

วันที่ 29 กรกฎาคม 2563 ศาลจังหวัดยะลาอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ภาค 9 กลับคำพิพากษาศาลจังหวัดยะลาจากยกฟ้องเป็นลงโทษ ตลอดชีวิต จำเลย ที่ 1 , จำเลยที่ 3 และจำเลย ที่ 4 ส่วนจำเลยที่ 2 และ จำเลยที่ 5 จำคุก 35 ปี ในคดีจ่อยิงหัวชาวบ้านดับ 5 ศพพร้อมกัน ที่ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา โดยที่คดีนี้ ผู้พิพากษาคณากร เพียรชนะ ได้ตัดสินยกฟ้องหลังจากนั้นก็ยิงตัวเองภายในห้องพิจารณาคดี ศาลจังหวัดยะลาจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อปี 2562

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 2561 ที่เหตุเกิดบริเวณหลังบ้านเลขที่ 228 บ้านตือโละดือลง หมู่ที่ 4 ต.ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา บ้านหลังดังกล่าวมีอาชีพรับเลี้ยงไก่ชน และเพาะพันธุ์ไก่ชนขา ซึ่งขณะเกิดเหตุผู้เสียชีวิตทั้ง 5 ราย นั่งล้อมวงเพื่อรับประทานทุเรียน และสนทนากันอยู่นั้น คนร้าย 4 คน สวมผ้าคลุมไอ้โม่งปิดบังใบหน้า ได้มาจอดรถจักรยานยนต์ด้านหลังบ้าน แล้วใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 และปืนลูกซองยิงใส่จนเสียชีวิตทั้งหมด

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 5 คน ประกอบด้วย

  1. นายซูกรี มูเซะ อายุ 33 ปี
  2. นายสาแปอิง สะเตาะ อายุ 39 ปี
  3. นายแวอาแซ แวยูโซะ อายุ 34 ปี
  4. นายมัสสัน เจะดือเระ อายุ 29 ปี และ
  5. นายอับดุลเล๊าะ มะสาเม๊าะ อายุ 30 ปี
    ทั้ง 5 ฅนมีภูมิลำเนาอยู่ที่บันนังสตา จำเลยทั้ง 5 คนถูกส่งฟ้องดำเนินคดีไปก่อน และมีหมายจับที่หลบหนีอีกหลายคน

เมื่อการพิจารณาคดีเสร็จสิ้น มีการนัดอ่านคำพิพากษาครั้งแรก ในวันที่ 19 ส.ค. 2562 แต่ได้เลื่อนออกมาเป็นวันที่ 4 ต.ค. 2562 ตามแถลงการณ์นายคณากรที่ตัดสินให้ยกฟ้องทั้ง 5 คน มองว่า คดีที่ทั้ง 5 คนตกเป็นจำเลย เป็นคดีฆาตกรรมเหมือนคดีที่เกิดขึ้นในภาคอื่น ไม่ใช่คดีความมั่นคง ไม่ใช่คดีก่อการร้าย แต่กระบวนการสอบสวนและควบคุมผู้ต้องหาทำเหมือนเป็นคดีความมั่นคง ขณะที่พยานหลักฐานต่างๆ ของโจทก์ก็ยังไม่มีน้ำหนักพอที่จะฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดจริง ดังนั้น แม้ว่าจะถูกกดันอย่างหนักให้พิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง ตนยืนยันที่จะยกฟ้อง เพราะหากพิพากษาลงโทษจำเลย จะมีจำเลยบางคนรับโทษหนักถึงขั้นประหารชีวิต เป็นตราบาปติดตัวไปตลอด

“ในสายตาของผม มันจะต้องได้พยานหลักฐานที่มีน้ำหนักพอลงโทษ การลงโทษคนใดคนหนึ่ง ไม่ใช่แค่ว่าคนนั้นถูกลงโทษ ครอบครัวของเขาเหมือนกับว่าจะถูกลงโทษไปด้วย เพราะฉะนั้นเราไม่มั่นใจจริงๆ เราก็อย่าไปลงโทษเขา แต่ผมไม่กล้ายืนยันว่าเขาไม่ได้กระทำความผิด เขาอาจจะกระทำความผิดก็ได้ แต่กระบวนการยุติธรรมมันจะต้องทำให้มันโปร่งใส ให้มันหนักแน่น ให้มันลงโทษคนได้ โดยที่ไม่มีใครมาเถียงเราได้ว่าไม่มาบอกว่าเราลงโทษคนผิด คนผิดก็คือผิดคนเท่านั้นเอง”

นั่นเป็นคำพูดของนายคณากร ในห้องพิจารณาคดี เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 4 ต.ค.2562 ตามที่ปรากฏในคลิปที่นายคณากรไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊ก ก่อนชักปืนออกมายิงที่ราวนมด้านซ้ายของตัวเอง ได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งล่าสุดอาการปลอดภัย ถูกนำตัวออกจากโรงพยาบาลแล้ว

ลำดับเหตุการณ์ คดีผู้พิพากษาคณากรยิงตัวเองทั้งสองครั้ง

วันที่ 4 ตุลาคม 2562 เวลาประมาณ 12.00 น. นายคณากร เพียรชนะ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดยะลา ใช้ปืนยิงตัวเองได้รับบาดเจ็บภายในห้องพิจารณาคดี ศาลจังหวัดยะลา หลังตัดสินยกฟ้องจำเลย 5 คนคดีฆาตกรรม 5 ศพ โดยทิ้งประโยคที่สะกิดใจให้แก่สังคมไทยคือ “คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน “

วันที่ 7 ตุลาคม 2562 คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) มติสั่งตั้งอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เหตุที่นายคณากรยิงตัวเองหน้าบัลลังก์ จนได้รับบาดเจ็บ (ภายใน 15 วัน)

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 ที่ประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) ได้มีมติตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง นายคณากร เพียรชนะ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้น ในศาลจังหวัดยะลา และยังมีมติให้นายคณากร ไปช่วยงานในกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ภาค 5 จังหวัดเชียงใหม่เป็นการชั่วคราว

วันที่ 7 มีนาคม 2563 นายคณากร เพียรชนะ ใช้อาวุธปืนยิงตัวเองเข้าที่หัวใจได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลทั้งนี้นายคณากร ได้ทิ้งจดหมายลาตาย สั่งเสียที่พิมพ์ใส่กระดาษขนาดเอ 4 จำนวน 2 แผ่น ก่อนก่อเหตุ