รัฐบาลไทยถูกกดดันเพื่อให้แต่งตั้งหัวหน้าคณะเจรจากับบีอาร์เอ็น

ROYAL THAI GOVERNMENT (RTG) DIDESAK MELANTIK KETUA DELEGASI RUNDINGAN BRN
.
วารสาร SURAT ฉบับที่ 117 เดือนกรกฎาคม 2568 หน้าที่ 6-7
แปลโดย ชินทาโร่ ฮาร่า
.

คณะรัฐมนตรีใหม่ของรัฐบาลไทยที่นำโดยผู้รักษาการนายกรัฐมนตรี ภูมิธรรม เวชยชัย ได้รับแรงกดดันที่ยิ่งหนักขึ้น ในการสัมภาษณ์ของสถานีโทรทัศน์ในไม่นานมานี้ ทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า หัวหน้าคณะเจรจาของรัฐบาลไทยจะถูกแต่งตั้งในไม่นานเพื่อดำเนินการเจรจากับบีอาร์เอ็น เพราะตำแห่นงสำคัญนี้ยังว่างตั้งแต่เศรษฐา ทวีสินออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ผู้สังเกตการณ์ความขัดแย้งในภาคใต้ของประเทศไทยหรือปาตานีและองค์กรภาคประชาสังคมประเมินว่า การชะงักกระบวนการเจรจาสันติภาพระหว่างรัฐบาลไทยกับบีอาร์เอ็นมีความเสี่ยงที่จะทำให้ความขัดแย้งยิ่งรุนแรงขึ้น ซึ่งเป็นความขัดแย้งที่ดำเนินมาเป็นเวลาหลายร้อยปีที่ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูลและห้าอำเภอของจังหวัดสงขลา

1. ไม่มีการแต่งตั้งหัวหน้าคณะเจรจาของรัฐบาลไทย
ตั้งแต่รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ฉัตรชัย บางชวด หมดวาระหัวหน้าคณะพูดคุยของรัฐบาลไทยในปี 2567 จนถึงทุกวันนี้ยังไม่มีการแต่งตั้งหัวหน้าคณะพูดคุยคนใหม่อย่างเป็นทางการ การที่ไม่มีบุคคลที่ได้รับมอบอำนาจเพื่อดำเนินการเจรจานั้นทำให้กระบวนการพูดคุยกับบีอาร์เอ็นถูกชะงัก เมื่อไม่มีคนที่นำคณะเจรจาก็จะเกิดการแทรกแซงของทหารที่เกินกว่าควร

ดังนั้น ณ ตอนนี้ไม่มีบุคคลที่มีอำนาจในการตัดสินใจเกี่ยวกับการพูดคุย และผลที่ตามมาก็คือรัฐบาลก็จะเน้นปฏิบัติการทางการทหารที่นับวันก็ยิ่งเพิ่มขึ้นและมักจะละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ปาตานี สถานการณ์นี้ทำให้บีอาร์เอ็นและสังคมทั่วไปตระหนักว่า ความสำคัญของกระบวนกาสันติภาพยิ่งน้อยลงในรัฐบาลไทย และสูญเสียความน่าเชื่อถือในสังคมโลกด้วย

2. คำเรียกร้องจากภาคประชาสังคมและนักวิชาการไม่ได้รับความสนใจเครือข่ายองค์กรภาคประชาสังคมจากภาคใต้ของประเทศไทยได้ออกแถลงการณ์ที่เรียกร้องให้รัฐบาลไทยแต่งตั้งหัวหน้าคณะพูดคุยที่มีความน่าเชื่อถือและได้รับการมอบอำนาจ มีประสบการด้านการทูตและความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับรากเหง้าของปัญหาและพลวัตของความขัดแย้งที่แท้จริง

กระบวนการสันติภาพไม่ใช่ประเด็นทางการเมืองสำหรับชนชั้นนำที่กรุงเทพฯ เท่านั้น แต่มันเชื่อมโยงกับชีวิตและอนาคตของประชาชนหลายล้านคนที่ปาตานี ความไม่จริงจังของรัฐบาลที่กรุงเทพฯ จะทำให้ความเดือดร้อนของสังคมประชาคมปาตานียิ่งยืดเยื้อ นักกิจกรรมทั้งหลายมีบทบาทสำคัญสำหรับความต่อเนื่องของกระบวนการสันติภาพที่ปาตานี อย่างไรก็ตาม พวกเราถูกกระทำอย่างไม่สมควร และหลายคนถูกฟ้องคดีที่ศาล

3. บีอาร์เอ็นยังมีความจริงจังเพื่อสร้างสันติภาพ
ในขณะเดียวกัน ผ่านช่องทางอย่างไม่เป็นทางการ บีอาร์เอ็นแสดงจุดยืนว่า พวกเขายังมีความจริงจังเพื่อดำเนินการเจรจาสันติภาพต่อ แต่ต้องรอการแต่งตั้ง (หัวหน้าคณะพูดคุย) อย่างเป็นทางการของฝั่งไทย

ก่อนหน้านั้น มีการพบปะกันอย่างไม่เป็นทางการโดยมีมาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวก ผู้สังเกตการณ์บางคนประเมินว่า พลวัตเพื่อมุ่งไปสู่การแก้ไขความขัดแย้งยังมีอยู่ แต่ฝ่ายรัฐบาลจำเป็นต้องมีผู้นำที่เข้มแข็งและมีความต่อเนื่อง (ด้านนโยบาย) เมื่อกระบวนการเพื่อแก้ไขความขัดแย้งไม่สามารถสารต่อได้ แน่นอนว่า ประชาชนและประชาคมปาตานีต้องเป็นเหยื่อและจะได้รับความมเสียหายที่ร้ายแรงกว่า

4. ข้อท้าทายและความหวังเพื่อมุ่งไปข้างหน้า
ถึงแม้ว่ารัฐบาลไทยยังเผชิญหน้ากับแรงกดดันทางการเมืองและเศรษฐกิจระดับชาติและนานาชาติ หลายคนมองว่า สังคมปาตานีและสังคมนานาชาติกำลังรอคอยนโยบายที่เป็นรูปธรรมจากรัฐบาลเกี่ยวกับการเจรจาสันติภาพเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ขาดผู้นำมาหลายเดือน

การแต่งตั้งหัวหน้าคณะพูดคุยคนใหม่ไม่ใช่แค่เป็นสัญลักษณ์แห่งความจริงจังของรัฐบาลเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณเพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกันระหว่างทั้งสองฝ่าย

.
หมายเหตุ :
1. The Motive เปิดพื้นที่ของการสื่อสาร ทำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

2.บทความนี้ แปลจาก วารสาร SURAT ฉบับ 117 เดือนกรกฎาคม 2568 หน้าที่ 6-7 แปลโดยชินทาโร่ ฮาร่า ซึ่งทาง The Motive เล็งเห็นถึงประโยชน์จากบทความดังกล่าวเพื่อให้ผู้อ่านได้ทำความเข้าใจต่อกระบวนการสันติภาพปาตานีจากมุมมองของฝ่ายที่เห็นต่างจากรัฐ และได้รับอนุญาตการแปลความจากกองบรรณาธิการของวารสาร SURAT ซึ่งเป็นวารสารภาษามลายู (รูมี-ยาวี) ที่เผยแพร่อยู่ในต่างประเทศและพื้นที่ปาตานี/ชายแดนใต้ ในรูปแบบของไฟล์พีดีเอฟ มีลักษณะของการส่งต่อในอีเมลล์ เพื่อสื่อสารเรื่องราวสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัฐไทยกับขบวนการเอกราชปาตานีในปัจจุบัน