จากรายงานข่าว “เจ้าหน้าที่รุกเยี่ยมแกนนำและผู้ร่วมแฟลชม็อบปาตานีจะไม่ทนที่มัสยิดกรือเซะ วันเดียว 4 ราย” ของ The Motive เผยแพร่เมื่อวาน(11/8/63)นั้น ได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่ามีกรณีการคุกคามอีกสองราย ซึ่งรวมเป็นทั้งหมด 6 รายภายในวันเดียวกัน
สำหรับรายที่ 5 มีรายงานเมื่อเวลา11.00 ของวันอังคารที่11 สิงหาคม 2563 ได้มีเจ้าหน้าที่(นอกเครื่องแบบไม่แจ้งหน่วยและสังกัด) จำนวน 10 นาย ได้มาถามหานายอริสมัน สะดียามู (อดีตนักกิจกรรมนักศึกษามหาลัยราชภัฏยะลา) ที่บ้านกำปงบารู ม.1 ตำบลเขื่องบางลาง อ.บันนังสตา จ.ยะลา เพราะนายอริสมันเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมม๊อบที่ มัสยิดกรือเซะ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 2 ส.ค. ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากเจ้าตัวไม่ได้อยู่บ้าน ทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปพูดคุยกับบิดาและมารดาของนายอริสมันแทน โดยการสอบถามว่า นายอริสมันได้กลับมาที่บ้านหรือไม่ ปัจจุบันพักอาศัยอยู่ที่ไหนและประกอบอาชีพอะไร เป็นต้น
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้กล่าวกับบิดาของนายอริสมันว่า ขอให้นายอริสมันยุติการเคลื่อนไหวเรื่องการเมืองและเรื่องรัฐธรรมนูญ หากมีอะไรให้นายอริสมันไปพบหรือคุยกับเจ้าหน้าที่โดยตรงว่า ต้องการอะไร ? ให้ไปหาเจ้าหน้าที่ที่หน่วยได้เลย
.
ก่อนกลับญาติของนายอริสมันได้ถามเจ้าหน้าที่ฯว่า ที่มาในครั้งนี้มีจุดประสงค์ใด ต้องการอะไร? เจ้าหน้าที่ฯได้ตอบว่า “นายสั่งมา”
ด้านนายอริสมัน กล่าวว่า “รู้สึกไม่พอใจอย่างมากที่เจ้าหน้าที่ได้ไปคุกคามถึงที่บ้านทั้ง ๆ ที่เจ้าหน้าที่สามารถที่จะติดต่อพูดคุยกับผมโดยตรง แต่กลับกันเจ้าหน้าที่ไปหาตัวที่บ้านมันเหมือนกับคุกคามครอบครัวที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องไปด้วย”
รายที่ 6 มีรายงานเมื่อเวลา 16.00 น. ของวันที่ 11 สิงหาคม 2563 ได้มีเจ้าหน้าที่ทหารมาที่บ้านของนายอัสริ ปาเกร์ ที่ตำบลปูยุด อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี หนึ่งในคนที่เข้าร่วมชุมนุมแฟลชม็อบที่มัสยิดกรือเซะ จ.ปัตตานี ที่จัดขึ้นวันที่ 2 ส.ค. ที่ผ่านมา แต่ไม่มีใครอยู่ที่บ้าน เจ้าหน้าที่จึงยืนอยู่หน้าบ้านและถ่ายรูปบริเวณพื้นที่บ้านเก็บเอาไว้ ขณะนั้นแม่ของนายอัสริได้เดินทางกลับมาจากที่ทำงานพอดีและเห็นพฤติกรรมที่เจ้าหน้าที่ทำอยู่ จึงเดินเข้าไปถามว่า “มาทำไม มีธุระอะไรหรือเปล่า เห็นยืนถ่ายรูปบ้าน” ด้านเจ้าหน้าที่ก็บอกว่ามาทำตามหน้าที่ปฏิบัติงานมวลชนสัมพันธ์และสอบถามข้อมูลบุคคลในบ้าน แต่แม่ของนายอัสริไม่ยอมบอกและตำหนิกลับไปว่า “เวลาปฏิบัติหน้าที่ต้องมีเจ้าของบ้านอยู่ก่อน แล้วค่อยขออนุญาตถ่ายรูป ทำแบบนี้เป็นการละเมิดสิทธิ์” จากนั้นก็การถกเถียงมีปากเสียงเล็กน้อย สุดท้ายเจ้าหน้าที่ถอยและขอตัวกลับไป
.