ทายาทหัวหน้าเสรีไทยภาคอีสานเผย การอุ้มฅนให้หาย เป็นวิธีการที่ผิดมนุษย์ จะรักษาอำนาจได้ แต่ไม่มีสิทธิ์ลดทอนความเป็นมนุษย์

จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ ประธาน สหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) และหลานปู่ทวดเตียง ศิริขันธ์ หัวหน้าเสรีไทยภาคอีสาน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.สกลนคร 5 สมัย (2479-2495) กระทั่งต่อมาถูกอุ้มฆ่ารัดคอเผาศพทิ้งพร้อมพวกในวันที่ 13 ธ.ค. 2495

โดย จุฑาทิพย์ เป็นหนึ่งในผู้ร่วมเสวนา หัวข้อ “ความยุติธรรมที่เปลี่ยน (ไม่) ผ่านท่ามกลางผู้ฅนและหมุดที่สูญหาย ” เมื่อวันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์ประสานงานคณะก้าวหน้าชายแดนใต้ (อดีตศูนย์ประสานงานพรรคอนาคตใหม่ยะลา)

จุฑาทิพย์ เปิดเผยว่า เบื้องหลังของครอบครัวจะมีความเกี่ยวเนื่องกับประเด็นทางการเมืองมาตั้งแต่อดีต โดยในปี 2495 ปู่ทวด (เตียง ศิริขันธ์) หายตัวไปจากการถูกลักพาตัว หลังจากนั้นพบเป็นศพถูกฆ่าตาย

เท่าที่หาข้อมูลได้จะเจอชุดความจริงอยู่หลายชุดมาก ชุดความจริงแรกจะเป็นชุดความจริงจากผู้ที่สนใจลงมาเก็บข้อมูลในพื้นที่ กับอีกชุดความจริงหนึ่งคือชุดความจริงที่รัฐพยายามจะให้ทางครอบครัวเราทราบ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนั้นมันโหดเหี้ยมมาก

ยอมรับว่าจนถึงตอนนี้ทางครอบครัวก็ยังรู้สึกหวั่นไหวกับสิ่งที่เกิดขึ้น ยังคงห้ามปรามไม่ให้เรายุ่งเกี่ยวกับการเมือง พยายามที่จะปกป้องเรา และไม่ค่อยอยากเล่าเรื่องปู่ทวดให้เราฟังมากเท่าไหร่

แต่ฅนในเครือญาติที่เข้าไปสู่เวทีทางการเมือง ส่วนมากก็จะไปตามระบบมากกว่า ไม่ได้เคลื่อนไหว หรือ เดินตามรอยอดีตมากเท่าไหร่ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น มันยังส่งผลมาจนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่าจะผ่านมาหลายปีแล้วก็ตาม

พอเราเติบโตขึ้นทำให้เราได้เห็นอะไรหลายๆ อย่าง เห็นสิ่งที่มันเกิดขึ้นในสังคม เห็นสิ่งที่รัฐกระทำกับฅนที่คิดต่าง ด้วยความที่สังคมไทยเป็นสังคมที่ไม่ได้เป็นประชาธิปไตย เป็นสังคมที่เป็นประชาธิปไตยเฉพาะในกระดาษ จึงทำให้เราเห็นว่ารัฐมีอำนาจที่จะกระทำต่อผู้คิดเห็นต่างมากน้อยแค่ไหน

ส่วนช่วงที่เกิดกระแสการหายตัวไปของคุณวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ทาง สนท. ก็รับทราบข้อมูลเป็นกลุ่มแรกๆ เพราะตอนนั้นด้วยความที่เรามีเครือข่ายที่รู้จักกับคุณวันเฉลิมเป็นการส่วนตัวได้ส่งข้อมูลเกี่ยวกับการหายตัวไปของคุณวันเฉลิม

ซึ่งตอนนั้นทางเราก็ไม่ได้รู้จักคุณวันเฉลิมเป็นการส่วนตัว เพราะเขาเองก็เป็นคนที่ไม่ค่อยมีกระแสมากในระยะหลังจากที่มีการรัฐประหารช่วงปี 2560 เป็นต้นมา ทำให้เราไม่ค่อยได้ยินชื่อของเขามากเท่าไร ส่งผลให้การอุ้มหายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในรูปแบบที่เงียบมาก

เราต้องสอบถามฅนอื่นว่าเขาเป็นใคร แล้วเขาเคยไปทำอะไร พบว่า เขาเคยต่อต้านรัฐบาลเผด็จการ เขาเคยถูกเรียกตัวโดยรัฐบาลเผด็จการ

หลังจากนั้นทาง สนท. ก็ได้มีการกระจายข่าว กระจายข้อมูลเกี่ยวกับการหายตัวไปของคุณวันเฉลิมเพื่อให้สังคมได้รับทราบมากยิ่งขึ้น

เราใช้แฮชแท็ก #Saveวันเฉลิม ทั้งในทวิตเตอร์และเฟสบุ๊ค อีกทั้งยังมีการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวกับการถูกอุ้มหาย วัตถุประสงค์หลักเพื่อที่จะส่งสารให้สังคมได้รับทราบว่าไม่ใช่คุณวันเฉลิมฅนเดียวที่หายตัวไป ยังมีผู้ฅนอีกมากมายที่หายตัวไป ทั้งที่เป็นบุคคลสาธารณะ และประชาชนทั่วไป

พอมาดูตรงนี้แล้วพบว่ามีเป็นจำนวนที่เยอะมาก โดยเฉพาะในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งความจริงมันเป็นเรื่องสิทธิมนุษยชนที่ทุกฅนต้องมีความตระหนักร่วมกัน

แต่หลังจากเราจัดงานรัฐพยายามที่จะมอบคดีต่างๆ ให้กับเรา ดูเหมือนเขาพยายามที่จะผลักเราให้ออกห่างจากเรื่องนี้ พยายามที่จะให้เราออกจากข้อมูลของบุคคลที่ถูกอุ้มหาย

มันเป็นวิธีการที่รัฐอาจคิดว่าง่ายที่สุดในการอุ้มคนให้หายไป และเป็นวิธีการที่ทำให้คนหายไปโดยที่จะได้ไม่ต้องมาส่งเสียงเรียกร้องอะไรอีก ซึ่งความจริงแล้วมันเป็นวิธีการที่ต่ำช้ามาก หากเรามองในแง่ของ “ฅนเท่ากัน”

พร้อมทิ้งท้ายว่า “คุณอยากจะรักษาอำนาจนั้นได้ แต่คุณไม่มีสิทธิที่จะมาลดทอนความเป็นฅนของเราได้”

อนึ่ง ข้อมูลจากวิกิพีเดียระบุว่า เตียง ศิริขันธ์ เป็นนักการเมืองฉายา “ขุนพลภูพาน” หนึ่งใน “สี่เสืออีสาน” ประกอบด้วยนายทองอินทร์ ภูริพัฒน์ นายถวิล อุดล และนายจำลอง ดาวเรือง

ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.สกลนคร 5 สมัย เป็นรัฐมนตรี 3 สมัย เริ่มตั้งแต่อายุ 28 ปี และเป็นหัวหน้าเสรีไทยภาคอีสาน โดยมีศูนย์บัญชาการอยู่บนเทือกเขาภูพาน

เขาถูกอุ้มฆ่ารัดคอและเผาศพทิ้งพร้อมพวกเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2495 ประกอบด้วย ชาญ บุนนาค เล็ก บุนนาค ผ่อง เขียววิจิตร และ สง่า ประจักษ์วงศ์ โดยศพถูกนำไปเผาทิ้งที่ ต.แก่งเสี้ยน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี

ชมคลิปฉบับเต็ม : https://www.facebook.com/yalamovement/videos/563308994333431/

อ่านเพิ่มเติม :
บุคคลสูญหายใน จชต. มีมากถึง 33 ฅน พบมากสุดในปี 2547, 2548, 2550 ตรงกับช่วงยุทธการพิทักษ์ชายแดนใต้
หมุดหมายความขัดแย้งทางการเมืองชายแดนใต้ คือ จุดสำคัญในการคลายปม หากต้องการที่จะแก้ปัญหา