สั่งปลดจากราชการ พร้อมดำเนินคดี กรณีทหารพรานยิงใส่รถโรงเรียนปัตตานี

หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการสอบสวนอย่างละเอียดกับผู้ที่ก่อเหตุยิงใส่รถโรงเรียน ที่ปัตตานี เพื่อลงโทษทางวินัยขั้นเด็ดขาด และได้นำตัวส่งสถานีตำรวจในท้องที่เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายอาญา เบื้องต้นขณะนี้ได้สั่งปลดออกจากราชการแล้ว


วันที่ 11 ก.ย. 2563 เวลา 09.00 น. พันเอก เกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แถลงชี้แจง เหตุการณ์เจ้าหน้าที่อาสาสมัครทหารพรานได้เกิดอาการคลุ้มคลั่งและยิงปืนภายในฐานปฏิบัติการและกระสุนพลาดไปถูกรถบัสชาวบ้านขณะขับผ่านจุดเกิดเหตุ เป็นเหตุให้รถยนต์ได้รับความเสียหาย ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณฐานปฏิบัติการ กองร้อยทหารพรานที่ 4216 หมู่ 5 ต.สาบัน อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เมื่อวานนี้ (10 ก.ย.2563)

ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวได้เรียบร้อยแล้ว บริเวณด่านตรวจเกาะหม้อแกง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี หลังขับรถยนต์ส่วนตัวหลบหนีออกจากฐานปฏิบัติการ เบื้องต้นได้นำตัวมาควบคุมไว้ยังหน่วย ฯ ทราบชื่อ คือ อส.ทพ.กสานดิ์ หนุดหล่ะ สังกัด กองร้อยทหารพรานที่ 4216 จากการสอบสวนเบื้องต้น อส.ทพ.กสานดิ์ฯ ได้ให้การยอมรับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุจริงเนื่องจากเกิดความเครียดจากปัญหาภายในครอบครัว จนเกิดอาการคลุ้มคลั่งและได้ยิงปืนในฐานปฏิบัติการทำให้กระสุนพลาดไปโดนรถบัส ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นรถรับส่งนักเรียน โดยขณะเกิดเหตุได้ส่งนักเรียบเรียบร้อยแล้ว


ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ไปตรวจสอบรถบัส พบว่า มีความเสียหาย จากรอยกระสุนที่พลาดไปโดน จำนวน 3 รอย และไม่มีนักเรียนอยู่ภายในรถ เนื่องจากกลับจากส่งนักเรียนตามบ้านเป็นที่เรียบร้อย และขับผ่านมายังบริเวณที่เกิดเหตุการณ์ อย่างไรก็ตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการสอบสวนอย่างละเอียดกับผู้ที่ก่อเหตุ เพื่อลงโทษทางวินัยขั้นเด็ดขาด และได้นำตัวส่งสถานีตำรวจในท้องที่เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายอาญา เบื้องต้นขณะนี้ได้สั่งปลดออกจากราชการแล้ว


จากเหตุการณ์ดังกล่าว แม้จะเกิดจากสาเหตุปัญหาส่วนตัว แต่ได้สร้างความเสียหายและส่งผลกระทบต่อความรู้สึก และความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชน และอาจเป็นเงื่อนไขให้กลุ่มที่ไม่หวังดีนำไปบิดเบือนโจมตี เพื่อสร้างความเกลียดชัง ดังที่ปรากฏให้เห็นอย่างกว้างขวางในห้วงที่ผ่านมา กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรม และจะไม่ปกป้องกำลังพลผู้กระทำผิดโดยเด็ดขาด โดยจะลงโทษวินัยขั้นสูงสุดและหากพบมีความผิดทางอาญาก็จะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป