
ในห้วงเวลาตลอดปี 2566–2568 นักกิจกรรมและนักศึกษาหลายคนในปาตานี/ชายแดนใต้ถูกดำเนินคดีจากการแสดงออกหรือทำกิจกรรมสาธารณะ โดยหลายกรณีถูกมองว่าเป็นการใช้กฎหมายเชิงยุทธศาสตร์เพื่อปิดปาก (SLAPP) เพื่อกดดันและจำกัดสิทธิในการมีส่วนร่วม แม้บางคดีจะจบลงด้วยการยกฟ้องหรือถอนฟ้อง แต่หลายกรณีก็ยังคงติดอยู่ในชั้นอัยการหรือศาล
.
ตัวอย่างคดีสำคัญ:
กรณีขุดศพ ยะหรี ดือเลาะ (2566): อารฟาน วัฒนะ สังกัด The PATANI ถูกกล่าวหาขัดขวางเจ้าหน้าที่ระหว่างขุดศพ แต่ศาลยกฟ้อง
ชุมนุมแห่ศพที่ศรีสาคร (2566): ไฟซู ดาหง นักกิจกรรมชุมชน ถูกดำเนินคดีแย่งศพนักรบ ปัจจุบันอยู่ระหว่างอัยการพิจารณา
กรณีชุลมุนแย่งศพที่ธารโต (2566): มูฮัมมัดฮาฟีซี สาและ และ มะนาวาวี ยะโกะ จากสำนักสื่อ Wartani ถูกฟ้องข้อหาข่มขืนใจเจ้าพนักงาน ก่อนที่อัยการจะถอนฟ้อง
กรณีกล่าวหาให้ที่พักพิง (2566): ฮาซัน ยามาดีบุ ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์มลายูท้องถิ่น ถูกกล่าวหาช่วยเหลือผู้ถูกหมายเรียกความมั่นคง ขณะนี้กำลังสู้คดีในศาล และได้รับการประกันตัว
กรณีแย่งศพโรงพยาบาลปัตตานี (2566): อัสมาดี บือเฮง นักเขียนอิสระ ศาลยกฟ้อง ส่วน แมะดะ สะนิ แม่ที่ไปรับศพลูกชายที่เสียชีวิต ถูกปรับ 50,000 บาท
เวทีวิชาการ–ประชามติเอกราช (2566): นักศึกษา 3 คนจากกลุ่ม Pelajar Bangsa และนักกิจกรรม 2 คน จาก The PATANI ถูกฟ้อง ม.116 อยู่ในชั้นอัยการ
เพจ “พ่อบ้านใจกล้า” (2566): ซาฮารี เจ๊ะหลง นักสื่อสารอิสระ ถูกกล่าวหานำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์และฉ้อโกงประชาชน อยู่ระหว่างอัยการพิจารณา
คดีชุดมลายูรายอ (คดีเหตุปี 2565 – ดำเนินคดีปี 2567): ผู้ต้องหานักกิจกรรม 9 คน ถูกฟ้อง ม.116 และข้อหาอั้งยี่ซ่องโจร ปัจจุบันสู้คดีในศาลและได้ประกันตัว
อัญชนา หีมมิหน๊ะ (2567): นายกสมาคมด้วยใจฯ ถูกฟ้องหมิ่นประมาทและ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากโพสต์เรื่องน้ำประปามัสยิด กำลังสู้คดีในศาล และได้ประกันตัว
อับดุลอาฟิร เซ็ง (ปะจูมิง) 2568: อาสาสมัครนักข่าว Wartani ถูกดำเนินคดีตาม ม.116, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และ พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม ปัจจุบันสู้คดีในศาลและได้รับการประกันตัว
กสม. ชี้การใช้กฎหมาย “เกินสมควร”
เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2568 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เผยแพร่ รายงานตรวจสอบที่ 10/2568 ว่าด้วยเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น กรณีร้องเรียนการใช้กฎหมายปิดปากนักกิจกรรมชายแดนใต้ โดยตรวจสอบหลายคดี เช่น “มลายูรายอ”, “ประชามติจำลอง” และ “ขัดขวางการขุดศพ”
กสม. สรุปว่า การดำเนินคดีเหล่านี้ เป็นการใช้กฎหมายเกินสมควรแก่เหตุ เข้าข่ายปิดกั้นสิทธิการมีส่วนร่วมของประชาชน ทั้งที่กิจกรรมดังกล่าวเป็นการแสดงออกโดยสงบและสันติ ซึ่งได้รับการรับรองตามรัฐธรรมนูญและมาตรฐานสากล การดำเนินคดีเช่นนี้จึงก่อให้เกิดทั้งภาระและความหวาดกลัวโดยไม่จำเป็น
รายงานยังชี้ว่า รัฐควรเคารพ สิทธิ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ รวมถึงวัฒนธรรมและความเชื่อทางศาสนา ของประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะประเด็นการขุดศพที่กระทบต่อความเชื่อทางศาสนา พร้อมทั้งได้จัดทำข้อเสนอแนะถึงหน่วยงานต่าง ๆ เช่น กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า, ตำรวจภูธรภาค 9, อัยการ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชนในอนาคต