ดีน เกษตรกรหนุ่มที่ใช้ “เคมเปญ” เคลื่อนประเด็นทรัพยากรปาตานี

ดีน หรือ ซอฮาบูดิน เลาะยะพา เป็นเกษตรกร กรีดยางแล้วก็เลี้ยงวัวเป็นอาชีพ ถือว่าเป็นอาชีพหลัก ส่วนประเด็นการเคลื่อนไหวทางสังคมจริงๆ ก่อนหน้านี้ก็เคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง และประเด็นสันติภาพปาตานีด้วย แล้วก็เคลื่อนรณรงค์เรื่องหาฅนที่เหมาะสมลงสมัคร สว. ล่าสุด
.
ปัจจุบันก็หันมาเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก เนื่องจากว่าในพื้นที่กรงปีนังเป็นพื้นที่บ้านเกิดของผมเอง ที่กำลังจะมีการสร้างประตูกั้นแม่น้ำปัตตานี เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ใช้งบประมาณ 3,500 กว่าล้านบาท ที่จะมีการกั้นแม่น้ำสายเดิม แล้วก็ขุดลอกแม่น้ำใหม่เพื่อที่จะตั้งประตูระบายน้ำ 8 บาน ซึ่งฅนในพื้นที่เองก็ไม่เห็นด้วย โครงการนี้มีกระบวนการที่ไม่โปร่งใสและขาดการมีส่วนร่วมของชุมชนตั้งแต่แรกเริ่ม ผมก็เลยอาสาเข้ามา เพราะเป็นพื้นที่ของตัวเองที่อยู่ในพื้นที่หน้ารัศมี 3 กิโลเมตรจากพื้นที่โครงการ ก็เลยเข้ามาทำแคมเปญทำงานประเด็นสิ่งแวดล้อมผ่านการคัดค้านโครงการประตูระบายน้ำกรงปินัง
.
ผมเป็นสมาชิก เดอะปาตานี (THE PATANI) แต่เมื่อเคลื่อนคัดค้านโครงการของรัฐกรณีประตูกั้นแม่น้ำปัตตานีก็ได้ร่วมกันเพื่อจัดตั้งเครือข่ายกับฅนในชุมชนใช้ชื่อเครือข่ายว่า “เครือข่ายพิทักษ์สายน้ำปัตตานี” เครือข่ายฯ นี้เราตั้งใจไว้ว่าพยายามที่จะเชื่อม ระหว่างผู้ฅนต้นน้ำคือ แม่น้ำปัตตานี ที่มีความยาวทั้งหมด 214 กิโลเมตร ซึ่งที่ต้นนน้ำ ก็จะมีเขื่อนบางลางกั้นแม่น้ำแล้ว และก็ปลายน้ำก็จะเป็นที่อำเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานีครับ เลยคิดว่าเครือข่ายนี้จะเป็นเครือข่ายที่เชื่อม ระหว่างฅนต้นน้ำ กลางน้ำ แล้วก็ปลายน้ำ ให้มาพูดคุยเรื่องแม่น้ำปัตตานี ซึ่งอนาคตสมมุติว่าโครงการนี้ถูกยกเลิก หรือว่าชะลอไป เครือข่ายนี้ก็จะมานั่งคุยกันด้วยเรื่องการจัดการแม่น้ำปัตตานี ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักที่ผ่านจังหวัดยะลา และปัตตานี เป็นแม่น้ำที่ผูกพันกับฅนปาตานีจริงๆ ควรจะถูกจัดการในรูปแบบไหนโดยที่ไม่ได้ผ่านโครงสร้างจากส่วนกลาง ในอนาคตเครือข่ายจะพยายามผลักดันว่า การจัดการน้ำของฅนในพื้นที่มันควรที่จะเป็นแบบนี้ ส่วนกลางไม่ควรที่จะมาบังคับ หรือว่ามาจัดการน้ำโดยที่ไม่ได้ฟังเสียงของฅนพื้นที่
.
ส่วนงานด้านการรณรงค์ผมจะมาช่วยทําที่ THE PATANI เป็นหลัก ใช้วิธีการพูดกับชาวบ้านในพื้นที่ซะมากกว่า เพราะว่าผมเป็นฅนทำงานใกล้ชิดกับชุมชน อย่างที่ผ่านมาก็ไปนั่งพูดคุยกับชุมชนว่า สว. สําคัญยังไง เชื่อมยังไงกับการแก้รัฐธรรมนูญ แล้วก็การแก้รัฐธรรมนูญ มันเชื่อมยังไงกับสันติภาพปาตานี หรือการกำหนดชะตากรรมตนเองยังไง อันนี้คืองานหลัก ซึ่งผู้ฅนส่วนใหญ่อาจจะยังไม่รู้จักผม แต่ในชุมชนอาจจะรู้จักว่าเป็นฅนที่ทำงานทางความคิดกับคนในชุมชนซะมากกว่า
.
ผมมองว่าคําว่า “แคมเปญ” คือการทำงานเชิงความคิดอาจเป็นการพูด ไม่ใช่แคมเปญที่หมายถึงแค่ว่าการออกโปสเตอร์ หรือว่ากิจกรรมที่มันใหญ่โต คําว่า แคมเปญคิดว่าเป็นการมานั่งพูดคุยเพื่อให้ผู้ฅนปรับเปลี่ยนความคิดเดิมหันมาเข้าใจในความนั้นๆ มันอาจเป็นงานที่ฅนทำกันอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่ากำลังทำอยู่ เช่น การชวนมานั่งพูดคุยในร้านน้ำชา คุยเพื่อเปลี่ยน Mindset จากแบบหนึ่งมาเป็นความเข้าใจอีกแบบหนึ่ง เป็นงานที่นักแคมเปญเนอร์ทำอยู่แล้ว
.
ฅนทำงานแคมเปญหลักๆคิดว่า ต้องเป็นฅนที่รับฟังฅนก่อน มองว่าแคมเปญเน้นงานพูดคุยเป็นหลัก ฟังฅนอื่นก่อน อย่างน้อยเราต้องมีข้อมูลอินไซต์ไม่อย่างงั้นเราจะไม่สามารถเชื่อมต่อกับฅนอื่นได้เลย ต้องสามารถระบุปัญหาที่ชัดเจนได้ อาจต้องมีความครีเอทบ้างในตัว อย่างเช่น ศิลปะในการพูดคุย ศิลปะในการออกแบบงานสื่อสารที่ไม่ได้ไปบังคับให้ฅนเปลี่ยนตามเรา แต่เป็นงานสื่อสารที่ออกไปแล้วผู้รับสารคิดได้เองว่า ความคิดนี้ก็เข้าท่านะ
.
ผมได้เข้าร่วมอบรมการใช้เครื่องมือในการออกแบบแคมเปญ จาก Amnesty International ที่จัดโดย Daybreaker Network หลักๆ แล้วการทำแคมเปญก็จะมีขั้นตอนของการระบุปัญหาให้ชัดเจน วางกรอบการทำงานว่ามีอะไรบ้าง ธีมสีที่จะใช้ และงานครีเอทรูปแบบที่สื่อสารออกไป สุดท้ายที่สำคัญคือการประเมินซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ ว่างานที่เราทำอยู่ในกรอบและเข้าใกล้เป้าหมายของแคมเปญหรือไม่
.
เป้าหมายหนึ่งของ Daybreaker Network พยายามให้ฅนพื้นที่ลุกขึ้นมาทำแคมเปญเองได้ เพราะว่าส่วนใหญ่แคมเปญจะมาจากส่วนกลาง ถ้าฅนพื้นที่สามารถสอนกันเองทำกันเองได้ถือว่าเป็นความสำเร็จหนึ่งเลยก็ว่าได้
.
ช่วงนี้อยู่ในช่วงที่เปิดรับสมัครเรียนคอร์สออนไลน์ปั้นแคมเปญให้ปังปี 2 ในคอร์สนี้จะมีเพื่อนๆจาก สามภูมิภาค ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และตะวันตก จะเข้ามาร่วมแลกเปลี่ยน คิดว่าการได้เรียนรู้กับฅนทำงานในพื้นที่จริงๆ เราจะได้ไอเดียอะไรบ้างอย่างที่เราอาจจะไม่เคยได้ยินมาก่อน เลยอยากเชิญชวนเข้าร่วมคอร์สออนไลน์นี้ด้วยกัน
.
สำหรับโปรเจคนี้ Daybreaker Network มีคลาสเรียนสอนทำแคมเปญปีที่ 2 ได้จับมือกับ Amnesty International Thailand (AITH) ในการออกแบบหลักสูตรนี้ขึ้นมา เพื่อให้การสื่อสารได้ส่งเสียงออกไปให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด คลาสนี้จะเกิดขึ้นในเดือนตุลาคมปีนี้ เปิดรับสมัครตั้งแต่ 5 ก.ย. จนถึง 27 ก.ย. ความน่าสนใจของคลาสในครั้งนี้คือ คนสอนทำแคมเปญ คือคนที่อยู่หน้างาน เป็นเจ้าของพื้นที่ เจ้าของประเด็น ทั้งหมด 4 พื้นที่ ยะลา บางแสน เชียงใหม่ อุตรดิตถ์
.
คลาสเรียนนี้เป็น คลาสออนไลน์ เรียนได้จากทุกที่ ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย และยังมีโอกาสได้รับทุนสนับสนุนทำแคมเปญจริง ร่วมกับโค้ชที่คุณเลือก มูลค่ารวมกว่า 80,000 บาท สนใจสมัครได้ที่นี่เลย
https://shorturl.asia/lXxGy
.